วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2566

คอนเสิร์ตเชิดชูครูเพลง "บอกรักกันวันนี้" ระดมเงินมอบให้ ๓ ศิลปินแห่งชาติ

คอนเสิร์ตเชิดชูครูเพลง "บอกรักกันวันนี้" 

ระดมเงินมอบให้ ๓ ศิลปินแห่งชาติ

      ต้องเรียกว่า “ผู้ปิดทองหลังพระ” คนดนตรีตัวจริง ควันหลงคอนเสิร์ต "Aprill Love" จัดช่วงต้นเดือนมษายนที่ผ่านมา ณ ปัญญา กอล์ฟ คลับ รามอินทรา วิชัย ปุญญะยันต์ ผู้ก่อตั้งวง "พิงค์แพนเตอร์" เจ้าของเสียงร้องเพลงดังอมตะ “รักฉันนั้นเพื่อเธอ” เป็นผู้จัดดำเนินการ สร้างเซอร์ไพร์สเชิญนักดนตรีฝีมืออุโฆษ จิ-จิรพรรณ อังศวานนท์ หัวหน้าวงบัตเตอร์ฟลาย รวมถึง ฉ่าย-สมชัย ขำเลิศกุล มาแจมบนเวที

        และแน่นอนมี วิชัย ปุญญะยันต์ ย่อมต้องมี “สามวิ” วิรัช อยู่ถาวร และวินัย พันธุรักษ์ ต้องมีคิวขึ้นเวที ขณะที่นักร้องหญิงคนเดียวของงานนี้ ชื่อเสียงเรียงนามดีกรีความสามารถระดับประเทศ สุดา ชื่นบาน ศิลปินเเห่งชาติ ซึ่งบนเวทีนี้ยังสวมหมวกอุปนายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ฝ่ายบริหาร)

        เนื่องจากเป้าประสงค์ของการจัดคอนเสิร์ต "Aprill Love" ครั้งนี้ ก็เพื่อระดมเงินสมทบทุนช่วยเหลือสมาชิกนักดนตรีของสมาคมฯ และมีการโอนเงินผ่านแอพแบงกิ้งธนาคารมากถึง ๑๘๐,๐๐๐ บาท แฟนเพลงที่มาร่วมงานนอกจากเพลิดเพลินบทเพลงถือได้ร่วมเนื้อนาบุญ

        "Aprill Love" เป็คอนเสิร์ตการกุศลที่มาได้ถูกช่วงเวลา หลังเกิดกระแสข่าวด้านลบของการจัดคอนเสิร์ตช่วยเหลือคนดนตรี อันคือเรื่องเดิมๆ ความไม่โปร่งใสของรายได้ รวมถึงความไม่ชัดเจนของศิลปิน รู้ทั้งรู้เป็นงานการกุศล แต่ยังขอค่าตัว ค่ายานพาหนะ “ลางเนื้อชอบลางยา” ถ้ามองเป็นเรื่องปัจเจกชน จะเนื้อ-จะยา ก็หนีไม่พ้นกลิ่นฉาว

ต่อเนื่องมาพูดถึงครั้งนี้กับ คอนเสิร์ต เชิดชูครูเพลง "บอกรักกันวันนี้" เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตของวิชัย ปุญญะยันต์ ดำริขึ้นมาเพื่อเชิดชูผลงานเพลงอมตะของ  ๓ ศิลปินแห่งชาติ ครูสุรพล โทณะวณิก (ศิลปินแห่งชาติ), ครูมนัส ปิติสานต์ (ศิลปินแห่งชาติ) และครูเนรัญชรา หรือ สติ สติฐิต

       เวทีนี้ วิชัย ปุญญะยันต์ แจ้งเจตจำนงค์กับนักร้องหลากหลายรุ่น ว่าต้องการระดมเงินเพื่อมอบให้กับครูเพลงทั้ง ๓ ท่านเป็นการแสดงความกตัญญูบุญคุณของบรมครูที่ได้รังสรรค์บทเพลงไพเราะให้เหล่านักร้องทั้งระดับอาชีพ และสมัครเล่นทั่วฟ้าเมืองได้ขับร้อง จะเพื่อดำรงชีพ หรือสัณฑนาการ ล้วนแล้วเป็นเรื่องที่น่ายินดี แนวทางการระดมเงินเหมือนเช่นเคยคือจำหน่ายบัตรพร้อมอาหาร

     บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นจากแฟนเพลง และบุคคลในวงการเพลง อาทิ นฤมล ล้อมทอง ผู้บริหารศาลาเฉลิมกรุงมาร่วมรับชม, บุ๋ม ปุยฝ้าย ภรรยาคนสวยของชมพู ฟรุ๊ตตี้ (สุทธิพงษ์ วัฒนจัง) มาทำบุญแทนสามีนักร้อง รวมถึง อธิคม นลินตระกูล แฟนเพลงผู้ใจบุญแห่งเรือนนลิน เชียงราย

      และเป็นนิมิตรหมายอันดีมีศิลปินรับเชิญมาร่วมกิจกรรมหลายท่าน นำโดย สุดา ชื่นบาน (ศิลปินแห่งชาติ) ที่นำเพลงภาพยนตร์โทรทัศน์ เรื่อง “หุ่นไล่กา” ผลงานของครูมนัส ปิติสานต์ มาขับกล่อม, วินัย พันธุรักษ์ โชว์เดี่ยวเพลง “หนาวเนื้อ” งานเพลงครูสุรพล โทณวณิก มาร้อง, วิรัช อยู่ถาวร (ศิลปินแห่งชาติ) นำเพลง “พรุ่งนี้ฉันจะรักเธอจนตาย” มากล่อมก่อนที่ทั้ง ๒ จะผนวกกำลัง วิชัย ปุญญะยันต์ นำเพลงอมตะ “คอยเธอ” อันเป็นทำนองเพลงสากล “GreenField” มาขับร้องแนวคอรัส ๒ เพลงหลังเป็นของครูเนรัญชรา

         ขณะที่ จิตติมา เจือใจ มากับเพลง “ภาษาใจ” ของครูสุรพล โทณวณิก,วิยะดา โกมารกุล ณ นคร เพลง “ฟ้ามิอาจกั้น” ของครูสุรพล โทณวณิก, ชรัส เฟื่องอารมณ์ เพลง “ลมรัก” เพลงครูสุรพล โทณวณิก, วสุ แสงสิงแก้ว กับบทเพลง “สูตรรักนักเรียน” ที่ครูสุรพล โทณวณิก แต่งให้, ผุสดี เอื้อเพื้อ กับเพลง “ฉงน” อีกงานเพลงครูสุรพล โทณวณิก ก่อนที่จะร่วมร้องคณะเดอะฮอตเปปเปอร์ ที่มีศาสสัณฑ์ บุญญาสัย รวมคอรัสในเพลง “ใครหนอ” ที่ครูสุรพล โทณวณิก แต่งไว้ให้เดอะฮอตเปปเปอร์ ร้องไว้

        ส่วนเซอร์ไพร์สของคอนเสิร์ตครั้งนี้ ยังเป็นการต้อนรับ โสรยา สิรินันท์ เจ้าของเสียงร้องเพลง “รอยเท้าบนผืนทราย” อันไพเราะกลับมาร่วมงานกับพิ้งแพนเตอร์ นอกจากร้องเพลงสร้างชื่อให้หายคิดถึง ยังร้องเพลงคู่กับวิชัย ปุญญะยันต์ ในเพลง “หยาดน้ำฝนหยดน้ำตา” ผลงานของครูเนรัญชรา ส่วนอุเทน พรหมมินทร์ กับเพลง “จะคอยขวัญใจ” เพลงแรกที่สร้างชื่อให้ครูเนรัญชรา ผู้ประพันธ์กับความตั้งใจรอคอย สุเทพ วงศ์กำแหง กลับมาเมืองไทยเพื่อบันทึกเพลงไพเราะนี้ แม้ว่าจะรอเนิ่นนานถึง ๓ ปี

       สุชาติ ชวางกูร มากับบทเพลงอมตะอันไพเราะ “เพื่อเธอที่รัก” งานเพลงประพันธ์ของครูมนัส ปิติสานต์ และยังนำเพลง “บ้านของเรา” ของครูเนรัญชรา มาขับกล่อมด้วย ก่อนที่ต้น-สุชาติ จะสมทบทุนเงินที่ได้รับมอบหน้าเวทีหลักหมื่นบาทมอบให้กับวิชัย ปุญญะยันต์ จนได้ข้อสรุปตัวเลขยอดบริจาคหักค่าใช้จ่ายแล้วโอนเข้าบัญชีครูเพลงทั้ง ๓ ท่านๆ ละ ๕๔,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑๖๒,๐๐๐ บาท ขออนุโมทนาบุญกับการจัดงานครั้งนี้

#ครูเพลงลูกกรุง

วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566

สถานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดใกล้แหล่งศึกษาใจกลางเมือง "ต้องเป็นพื้นที่ปลอดยาเสพติด" ดังนั้นต้องถูกกำจัดหรือรื้อทิ้งไปหรือไม่

สถานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดใกล้แหล่งศึกษาใจกลางเมือง  "ต้องเป็นพื้นที่ปลอดยาเสพติด"

ดังนั้นต้องถูกกำจัดหรือรื้อทิ้งไปหรือไม่

        ตำรวจสายสืบจากส่วนกลางร่วมกับตำรวจ 191 ได้เข้าจับกุมแก๊งยาบ้า โดยรวบตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง 200,000 เม็ด ที่อาคารจอดรถจามจุรี 9 ชั้น 2B ซ.จุฬาลงกรณ์ 42 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

         จากกรณีที่ตำรวจ 191 ได้รวบตัวนายรติกร หรือเจน (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี เอเย่นต์ซุกยาบ้ากลางกรุง พร้อมของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 200,000 เม็ด ยาไอซ์ 83 กรัม รถยนต์ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง โดยจับกุมได้บริเวณภายในอาคารจอดรถจามจุรี 9 ชั้น 2B ซ.จุฬาลงกรณ์ 42 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองใกล้สถานศึกษาชั้นนำระดับประเทศอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

         นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. สั่งการให้ พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.โชติช่วง รัศมี,พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร, พ.ต.ท.อธิบดี เสริมสุข พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์ รอง ผกก.สายตรวจ , พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ1  ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวน นายรติกร หรือเจน (สงวนนามสกุล) เอเยนต์ซุกยาบ้ากลางกรุงรายนี้ จนทราบว่า นายรติกรได้รับยาบ้าซึ่งเป็นของกลางในคดีนี้มาจากอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ขยายผลตรวจค้นศาลเจ้าเลขที่  377/11 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ อันเป็นที่พักของนายรติกร ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่กำลังมีข้อพิพาทในการรื้อถอนศาลเจ้ากับทรัพย์สินจุฬาฯ

และได้ทำการตรวจค้นห้องเช่าห้องที่ 101 อาคารเลขที่ 568/17 ซอยกิจพาณิช แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ อีกจุดหนึ่ง พบยาไอส์น้ำหนัก 83 กรัม

       พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ กล่าวว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวนทราบว่ามีเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่สามย่าน โดยมีนายรติกร เป็นเอเย่นต์ยาบ้า จึงเฝ้าสังเกตการณ์ จนทราบว่ามักจะใชัรถยนต์ไปรับยาเสพติดในพื้นที่อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วนำมาเก็บซุกซ่อนไว้เพื่อรอกระจายยาเสพติดให้ลูกค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จนกระทั่งชุดสืบสวนได้แกะรอยจนพบว่าผู้ต้องหาจะไปรับยาเสพติด จึงได้ติดตามจนจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ลานจอดรถดังกล่าว จึงทำการเข้าตรวจค้น พบยาบ้าจำนวน 200,000 เม็ด นายรติกรให้การรับสารภาพว่าทำมานานกว่า 1 ปี ได้ค่าจ้างรอบละ 10,000 บาท จึงได้แจ้งข้อหา "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้าและไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน" และทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลจนมีเหตุอันสงสัยได้ว่าศาลเจ้าที่มีข้อพิพาทกับทรัพย์สินจุฬาฯ เป็นที่พักยาเพื่อจำหน่าย และตรวจค้นเพิ่มเติมห้องเช่าห้องที่ 101 อาคารเลขที่ 568/17 ซอยกิจพาณิช แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ พบยาไอซ์อีก น้ำหนักรวม 83 กรัม จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อติดตามผู้ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

           จากเหตุการณ์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ต้องหาได้ใช้ประโยชน์จากอาคารศาลเจ้าที่เป็นกรณีพิพาทอยู่กับทรัพย์สินจุฬาฯ นอกจากใช้พักอยู่อาศัยแล้วยังใช้เป็นแหล่งกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งนับเป็นภัยที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง เนื่องจากใกล้แหล่งชุมชนและรายล้อมด้วยสถานการศึกษาชั้นนำของประเทศ สมควรหรือไม่ที่จะให้ศาลเจ้าแห่งนี้ยังอยู่ต่อไป

ขอขอบคุณ ข่าวและภาพ จากมติชนออนไลน์


คอนเสิร์ตหมอลำปะทะลูกทุ่งอินดี้ "อีสานมาหานครอีสานแคมป์ซิ่ง" มาม่วนซื่นโฮแซวส่งต่อวัฒนธรรมสู่ SoftPower

คอนเสิร์ต หมอลำปะทะลูกทุ่งอินดี้      "อีสานมาหานครอีสานแคมป์ซิ่ง"  มาม่วนซื่นโฮแซว ส่งต่อวัฒนธรรมสู่ SoftPower      บริษัท บรรไดร...