วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564

เตรียมพบกับพิธีมอบรางวัล อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards 2564) แบบ Virtual พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 11 ตุลาคม 2564 นี้

เตรียมพบกับพิธีมอบรางวัล อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards 2564) แบบ Virtual พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 11 ตุลาคม 2564 นี้


          รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) เป็นรางวัลที่รับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพ และบริการที่ดี เพื่อยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยว ที่ได้มาตรฐาน “การท่องเที่ยวสีขาว” ที่มีทั้งความสะดวก สะอาด ปลอดภัย เป็นธรรม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าของสินค้าทางการท่องเที่ยวไทยสู่ระดับสากล

            และเตรียมพบกับพิธีมอบรางวัล อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 13 ประจำปี 2564  (Thailand Tourism Awards 2564) ในแบบ Virtual อย่างเป็นทางการ ผ่านระบบ Zoom และ Facebook Fan page พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 11 ตุลาคม 2564 นี้

      ดิฉัน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอแสดงความยินดีกับทุกสถานประกอบการที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ค่ะ 

#ThailandTourismAwards #ThailandTourismAwards2021

#รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564

ททท. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกองทัพเรือ ส่งเสริมความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยทางทะเลและส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตรับผิดชอบของกองทัพ

ททท. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกองทัพเรือ ส่งเสริมความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยทางทะเลและส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตรับผิดชอบของกองทัพ

     กองทัพเรือ โดยพลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งเสริมความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยทางทะเลและการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตรับผิดชอบของกองทัพเรือ เพื่อเสริมสร้างมาตรการความปลอดภัยในการเดินทางทางทะเล รวมถึงประชาสัมพันธ์มาตรการและแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยมีนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. พลเรือเอก บวร มัทวานุกูล ประธานกรรมการบริหารการท่องเที่ยวกองทัพเรือ พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ ร่วมในพิธี ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564

   นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยประสบกับเหตุการณ์อุบัติเหตุจากการท่องเที่ยวหลายครั้ง ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวไทย ในการนี้ ททท. เล็งเห็นถึงความสำคัญด้านความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน จึงร่วมมือกับกองทัพเรือ จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อร่วมกันดูแลความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลและให้ความช่วยเหลือแก่นักท่องเที่ยวในกรณีฉุกเฉิน

            ภายใต้ความร่วมมือนี้ ททท. จะให้การสนับสนุนการดำเนินงานมาตรการความปลอดภัยและกิจกรรมด้านการประชาสัมพันธ์เป็นสำคัญ ทั้งประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่กองทัพเรือ ตลอดจนกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลเพื่อสร้างจิตสำนึกถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยตามแผน BCG Economy Model ของรัฐบาลและทิศทางการดำเนินงานของ ททท. ในปี 2565 ด้วย

           พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ เผยถึงขอบเขตความร่วมมือครั้งนี้ว่า กองทัพเรือมียินดีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากกองทัพเรือเป็นหน่วยงานความมั่นคงที่มีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ดังนั้น กองทัพเรือจึงมีความพร้อมและมีศักยภาพในการดูแลความปลอดภัย ตลอดจนให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกรณีประสบภัยทางทะเล โดยให้การจะสนับสนุนด้านต่างๆ ทั้ง บุคลากร สถานที่ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นไปตามมาตรการด้านความปลอดภัยทางทะเลทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน อาทิ การจัดเรือและอากาศยานในการตรวจการณ์และลาดตระเวนในทะเล การจัดหมู่เรือบรรเทาสาธารณภัย เพื่อพร้อมให้การช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่หรืออุบัติภัย มีหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือให้การดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ ซึ่งกองทัพเรือมีสายด่วน 1696 โดยนักท่องเที่ยวสามารถแจ้งเหตุ และขอความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

            นอกจากนี้ กองทัพเรือจะร่วมกับ ททท. วางแผนมาตรการและประชาสัมพันธ์ภารกิจการรักษาความปลอดภัย ส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ของกองทัพเรือตามฝั่งทะเลอันดามันที่มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อาทิ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 จังหวัดพังงา ประภาคารกาญจนาภิเษก แหลมพรหมเทพ และประภาคารเกาะตะเภาน้อย จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น


          โดยในปี 2563 ทั้ง 2 หน่วยงานได้เริ่มดำเนินโครงการ “สัตหีบเมืองต้นแบบ ท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal” มุ่งเน้นประชาสัมพันธ์การให้บริการตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety and Health Administration : SHA) และ ททท. ได้มอบตรามาตรฐาน SHA ประเภทนันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยวแก่แหล่งท่องเที่ยวของกองทัพเรือ จังหวัดชลบุรี จำนวน 4 แหล่ง ได้แก่ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ภายใต้การดูแลของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เกาะและทะเลไทย (เกาะแสมสาร) ภายใต้การดูแลของกองเรือยุทธการ (กร.) ศูนย์บริการหาดทรายแก้ว ภายใต้การดูแลของโรงเรียนชุมพล หาดนางรำและหาดนางรอง ภายใต้การดูแลของฐานทัพเรือสัตหีบ (ฐท.สส.) ทั้งนี้ เตรียมขยายการดำเนินงานสู่พื้นที่อื่นๆ อาทิ ภูเก็ต พังงา กระบี่ เพื่อตอกย้ำมาตรฐานด้านสุขอนามัย ฟื้นคืนความมั่นใจในการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งผลักดันให้ประเทศไทยคงอยู่ในใจนักท่องเที่ยว (Top of mind) ด้วยภาพลักษณ์ที่แตกต่าง ปลอดภัย และประทับใจ


USE HEART TO CONNECT ใช้พลังเชื่อมต่อทุกหัวใจให้แข็งแรง สุขภาพดี

USE HEART TO CONNECT ใช้พลังเชื่อมต่อทุกหัวใจให้แข็งแรง สุขภาพดี 

                เนื่องในวันหัวใจโลก 2564 (World Heart Day 2021) ซึ่งตรงกับวันที่ 29 กันยายนปีนี้ สมาพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation) อยากให้ทุกคน USE HEART TO CONNECT  ใช้พลังดิจิทัลเชื่อมต่อหัวใจทุกดวงให้มีสุขภาพหัวใจที่ดีเพื่อการมีสุขภาพที่แข็งแรงของทุกคน เพราะโรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทย ดังนั้นการดูแลหัวใจให้แข็งแรงด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ครบทุกหมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจเช็กหัวใจตามคำแนะนำของแพทย์ ย่อมช่วยให้หัวใจแข็งแรงนำมาซึ่งการมีสุขภาพดีและอายุที่ยืนยาว

            นพ. เกรียงไกร เฮงรัศมี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า การติดเชื้อไวรัส COVID-19 จะส่งผลต่อระบบหัวใจได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในผู้ติดเชื้อบางรายในระยะสั้นจะมีอาการของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาการมักไม่รุนแรง ส่วนใหญ่คนไข้ที่มีอาการรุนแรงจะเกิดจากโรคประจำตัวอื่น โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ ภาวะทางเดินหัวใจล้มเหลว และภาวะปอดอักเสบรุนแรง ในระยะยาวบางรายอาจมีอาการใจสั่น เหนื่อย ระดับน้ำตาลสูง ซึ่งเป็นผลจากรอยโรคที่เกิดจาก COVID-19 ที่หัวใจ ปอด หลอดเลือด และสมอง กลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดคือ ผู้สูงวัยที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่ มีภาวะหัวใจล้มเหลว อย่างไรก็ตามปัจจุบันการฉีดวัคซีน COVID-19 เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ จากผลการศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา ในคนไข้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจะมีความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น 8 เท่า ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 25 เท่าและมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตถึง 24 เท่า

            ในปีนี้ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ มุ่งเน้นเชื่อมต่อหัวใจให้สุขภาพดี (USE HEART TO CONNECT EVERY HEART) พร้อมให้การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจอย่างใกล้ชิดทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ยืนยาว ประกอบไปด้วย 3 มิติในการดูแล ได้แก่ 

        1. ความเท่าเทียมกัน (EQUITY) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการเข้าถึงการรักษาได้ทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยหัวใจแบบครบทุกมิติ มีการให้ข้อมูลการดูแลรักษาและป้องกันโรคหัวใจผ่านทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์รพ.หัวใจกรุงเทพ, Line Official Heart Care, แอปพลิเคชัน My B+, การพูดคุยกับผู้ป่วยหัวใจแบบออนไลน์ Telemedicine เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจในการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง สามารถตรวจติดตามอาการ ดูแลและป้องกันโรคได้ตลอด 24 ชั่วโมง

            2. การป้องกัน (PREVENTION) การป้องกันโรคหัวใจสามารถทำได้ด้วยการดูแลตัวเองให้ถูกวิธี ได้แก่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ งดสูบบุหรี่ ใช้อุปกรณ์ดิจิทัลดูแลชีพจรหัวใจ อย่าง แอปพลิเคชันต่าง ๆ, Smart Watch ตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ได้แก่ ตรวจยีน, ตรวจอัลตราซาวนด์, ตรวจ MRI, ตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูง (Echo), ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG/EKG), ตรวจหาคราบหินปูนหลอดเลือดหัวใจ (CAC) เป็นต้น  

     3. สังคมและชุมชน (COMMUNITY) มีหลายล้านคนทั่วโลกที่ป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดและได้รับผลกระทบในช่วง COVID-19 อาจไม่ได้มาพบแพทย์ตามนัด ตลอดจนไม่ได้พบกับครอบครัวและคนใกล้ชิด โรงพยาบาลตระหนักถึงการเข้าถึงการรักษาอย่างต่อเนื่องและโดยเร็วที่สุดจึงพร้อมให้การดูแลอย่างทั่วถึง ผู้ป่วยสามารถใช้พลังของดิจิทัล ติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์รพ. หัวใจกรุงเทพ, Line Official Heart Care, แอปพลิเคชัน My B+, การทำประเมินความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจผ่านสื่อออนไลน์ และการพูดคุยกับผู้ป่วยหัวใจแบบออนไลน์ Telemedicine เป็นต้น เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาหัวใจอย่างเหมาะสมโดยเร็วที่สุด หากมีโรคประจำตัวอย่างโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน ฯลฯ ต้องพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กสุขภาพตามนัดหมาย หากมีอาการผิดปกติให้ติดต่อแพทย์เฉพาะทางและโรงพยาบาลทันที 

            ทั้งนี้ โรงพยาบาลตระหนักและพร้อมดูแลผู้ป่วยด้วยมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดเพื่อให้ผู้ป่วยมั่นใจในทุกการรักษา ได้แก่ 

         1.ป้องกันโรคในทุกจุดบริการ ด้วยมาตรฐานการให้บริการในด้านความสะอาดของสถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ตลอดจนทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรโรงพยาบาลผ่านการตรวจหาเชื้อ COVID-19 และได้รับวัคซีนเป็นที่เรียบร้อย เพื่อควบคุมโรคอย่างเข้มงวดและให้ความมั่นใจกับผู้มารับบริการ 

          2.พร้อมทุกการผ่าตัดหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีผ่าตัดตามนัดหมายและผ่าตัดเร่งด่วนฉุกเฉิน ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจจะทำการตรวจประเมินโดยละเอียด เตรียมความพร้อมการผ่าตัดภายใต้มาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด และทำการผ่าตัดทันทีเพื่อลดความรุนแรงและประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา 3.บริการสุขภาพส่งตรงถึงบ้าน ได้แก่ บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (Teleconsultation) ผู้ป่วยสามารถปรึกษาปัญหาโรคหัวใจกับแพทย์เฉพาะทางหัวใจผ่านทางโทรศัพท์ หรือ VDO conference ตลอดจนบริการจัดส่งยาทั่วประเทศไทย บริการเจาะเลือดที่บ้านและบริการฉีดวัคซีนที่บ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

             อยากให้ทุกคนตระหนักเสมอว่า การป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดย่อมดีกว่าการรักษา โรคหัวใจป้องกันได้ด้วยการกินดี นอนดี ออกกำลังกายดี หมั่นตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ แต่ถ้ามีอาการหัวใจผิดปกตินั้นรอไม่ได้ ให้รีบตรวจเช็กกับแพทย์เฉพาะทางทันที รู้ก่อนรักษาก่อน เพิ่มโอกาสในการหาย และถ้าป่วยเป็นโรคหัวใจแล้วต้องคุมปัจจัยเสี่ยงให้ดี พบแพทย์ตามนัด ทำการรักษาอย่างจริงจัง เพื่อให้สุขภาพหัวใจดีแข็งแรงไปอีกนาน 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ รพ.หัวใจกรุงเทพ โทร. 02-310-3000 โทร.1719  หรือ Heart Care LINE Official : @hearthospital  


DITP หนุนสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นเติบโตฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมจัด The Marche’ by STYLE Bangkok 6-10 ตุลาคมนี้ ที่เซ็นทรัลเวิลด์

DITP หนุนสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นเติบโตฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมจัด The Marche’ by STYLE Bangkok 6-10 ตุลาคมนี้ ที่เซ็นทรัลเวิลด์


กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เตรียมจัด “The Marche’ by STYLE Bangkok” งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นมิติใหม่แบบ New Normal เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและการส่งออกเชิงรุกพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในช่วงโควิด โดยกำหนดจัดงาน ระหว่างวันที่ 6-10 ตุลาคม 2564 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์


นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวระหว่างงานแถลงข่าว ซึ่งจัดขึ้น ณโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ ว่า “อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของไทยมีศักยภาพและได้รับการยอมรับในเวทีโลก ทั้งด้านวัตถุดิบในการผลิตที่หลากหลาย และผู้ประกอบการไทยที่มีฝีมือปราณีต จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ไทยที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งาน และมีศักยภาพ ได้รับการยอมรับจากผู้ซื้อ/ผู้บริโภคทั่วโลก การส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น สร้างมูลค่าการส่งออกรวมกว่า 2.4 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ผ่านมา”


รองอธิบดีฯ นันทพงษ์ กล่าวเสริมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้การจัดงาน STYLE Bangkok 2021 ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในช่วงเดือนมีนาคมต้องเลื่อนออกไป ทางกรมฯ เล็งเห็นความสำคัญและโอกาสของสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่จะช่วยฟื้นฟูการเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงจัด The Marche’ by STYLE Bangkok ขึ้นทดแทน

“การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME และเพื่อเร่งรัดการส่งออกยุค New Normal ให้ยังคงสามารถพบปะสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ และเจรจาการค้ากับผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมาย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จึงได้สร้างช่องทางและเวทีการค้าแบบไฮบริด ภายใต้โครงการ “The Marché by STYLE Bangkok” เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME สามารถเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ และสร้างรายได้ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ไปให้ได้ ซึ่งเป็นไปตามแผนนโยบายหลักที่ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้แนวทางไว้”


กิจกรรมภายใต้โครงการ “The Marché by STYLE Bangkok” แบ่งออกเป็น 2 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าออนไลน์ โดยมีทูตพาณิชย์ทั่วโลกเป็นผู้เชื่อมโยงการจับคู่ จัดขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 23 - 25 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา


 ส่วนกิจกรรมที่ 2 คือ งานแสดงสินค้า “The Marché by STYLE Bangkok” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 - 10 ตุลาคม 2564 นี้ โดยภายในงาน จะมีการจัดแสดงสินค้าจากแบรนด์สินค้าคุณภาพส่งออกชั้นนำ ผู้ผลิตตัวจริงถึง 123 ราย ครอบคลุมสินค้าแฟชั่น เคหะสิ่งทอ เครื่องหนัง ของขวัญ ของชำร่วย ของตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ในครัวเรือน เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์สปา สินค้ามีดีไซน์ ตลอดจนสินค้าของเล่น และในช่วงที่ใกล้เทศกาลปีใหม่ ใครที่กำลังมองหาของขวัญพรีเมี่ยม ของขวัญปีใหม่ก็สามารถเลือกซื้อเลือกชมได้ภายในงาน นอกจากนี้ กรมฯ ให้ความสำคัญกับข้อปฏิบัติภายใต้มาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีการรักษาระยะห่าง มาตรการสุขอนามัย การจัดเตรียมจุดตรวจเช็คอุณหภูมิ จุดตรวจคัดกรอง เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจแก่ผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน


นอกจากนี้ ในวันพิธีเปิดงาน 6 ตุลาคม 2564 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล จำกัด จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกัน เพื่อร่วมสนับสนุนและผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งในด้านการพัฒนา และสร้างช่องทางตลาดทั้งในและต่างประเทศผ่านกลุ่มธุรกิจเซ็นทรัล เป็นระยะเวลาถึง 5 ปีอีกด้วยครับ

         และภายในงานแถลงข่าว ยังมีการเสวนาในหัวข้อ “ก้าวต่อไปของสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทย เดินต่ออย่างไรไม่ให้เป็นวงกลม” โดยวิทยากรที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เพื่อร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ของไทยให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตในยุค New Normal ได้แก่ คุณจิรชัย ตั้งกิจงามวงศ์ กรรมการผู้จัดการด้านการตลาดวิจัยและพัฒนา บริษัทอุตสาหกรรม ดีสวัสดิ์ จำกัด คุณภาณุเดช วัฒนสุชาติ นักแสดง พิธีกรและนักออกแบบตกแต่งภายใน และคุณธันยวัฒน์ ทั่งตระกูล Co-founder บริษัทธาอีส อีโคเลทเธอร์ จำกัด พร้อมแฟชั่นโชว์นำโดยดารา/นายแบบสุดฮอต “ฟิลลิปส์ ทินโรจน์”


The Marche’ by STYLE Bangkok จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 ตุลาคมนี้ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานแสดงสินค้าที่เซ็นทรัลเวิลด์หรือชมถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันที่ 6 และ 7 ตุลาคม  2564 ชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.stylebangkokfair.com Facebook และ Instagram Style Bangkok Fair หรือโทรสายตรงกรมการค้าระหว่างประเทศ 1169







ทีมวิจัยโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ร่วมกับวิทยาลัยอาชีวศึกษา​ และเครือข่ายความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ร่วมสานพลังความร่วมมือยุติการใช้​ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา

ทีมวิจัยโรงเรียนนายร้อยตำรวจ  ร่วมกับวิทยาลัยอาชีวศึกษา​ และเครือข่ายความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ร่วมสานพลังความร่วมมือยุติการใช้​ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา

         รองศาสตราจารย์ พันตำรวจเอกโสรัตน์ กลับวิลา คณบดีคณะสังคมศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ หัวหน้าโครงการวิจัย พร้อมคณะผู้วิจัยฯ ประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ พันตำรวจเอกหญิง ดร.กัญญ์ฐิตา ศรีภา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.ธีรวุฒิ นิลเพ็ชร์ และ ดร.พลรพี ทุมมาพันธ์ จัดเวทีสัมมนาออนไลน์ร่วมกับเครือข่ายอาชีวศึกษาและเครือข่ายจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อร่วมมือจัดโครงการวิจัย สถานศึกษาต้นแบบสานพลังความร่วมมือยุติการใช้ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา ภายใต้โครงการท้าทายไทย : สังคมไทยไร้ความรุนแรงโดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) 

        การสัมมนาโครงการวิจัย สถานศึกษาต้นแบบสานพลังความร่วมมือยุติการใช้ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา ภายใต้โครงการท้าทายไทย : สังคมไทยไร้ความรุนแรง มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสถานศึกษาต้นแบบและพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือในการดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา และมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ​ผู้บริหารจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั้งในกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี และสมุทรปราการ จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง  วิทยาลัยเทคนิคดุสิต วิทยาลัยเทคโนโลยีมีนบุรีโปลีเทคนิควิทยาลัยเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี วิทยาลัยเทคโนโลยีปทุมธานี วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ และวิทยาลัยเทคโนโลยีสมุทรปราการ

        นอกจากนั้นยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานเครือข่ายในภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ ผู้แทนจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 8  ปกครองจังหวัดปทุมธานีและจังหวัดสมุทรปราการ กรมกิจการเด็กและเยาวชน สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย  กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี  และสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ 

      สำหรับเหตุผลความเป็นมาในการศึกษาวิจัย  เริ่มต้นจากคณะผู้วิจัยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาการใช้ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษาในสังคมไทยยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังที่มีมาเนิ่นนาน และทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น แม้จะมีความพยายามแก้ปัญหากันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาก็ไม่มีท่าทีว่าจะลดน้อยลงไปง่ายๆ

     คณะผู้วิจัยจึงได้ทำการศึกษาวิจัยต่อยอดจากการศึกษาวิจัยที่ผ่านมาในโครงการ ต้นแบบการบูรณาการความร่วมมือเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงของเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาชู 2 หลักการสำคัญเพื่อเป็นต้นแบบความร่วมมือลดความรุนแรงของเด็กและเยาวชนคือ 2-Networks 2-Areas เน้นการสร้างเครือข่ายข้อมูลและเครือข่ายความร่วมมือ และ​เปิดพื้นที่สร้างความผูกพันทางสังคมและพื้นที่แสดงความสามารถสำหรับเด็กและเยาวชน ภายใต้กิจกรรมสำคัญ 8 กิจกรรม​ สำหรับสถานศึกษาได้แก่ การวิเคราะห์ตนเอง การประสานเครือข่าย การคัดกรองนักเรียนนักศึกษา การจัดทำฐานข้อมูลนักเรียนนักศึกษากลุ่มเสี่ยง การพัฒนาครูที่ปรึกษา การตรวจตราความเรียบร้อยของนักเรียนนักศึกษาในและนอกสถานศึกษา การอบรมพัฒนา ดูแล นักเรียนนักศึกษา และการสร้างเวทีแสดงความสามารถให้แก่นักเรียนนักศึกษา 

      สำหรับการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ เป็นการนำโมเดลและรูปแบบกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นไปประยุกต์ใช้และพัฒนาให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษาอาชีวศึกษาแต่ละแห่ง รวม 9 แห่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเลือกให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงที่มีปัญหาใช้ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา และเป็นเครือข่ายความร่วมมือในการเสริมสร้างพฤติกรรมอันดีของนักเรียนนักศึกษา เพื่อสร้างสถานศึกษาต้นแบบสานพลังความร่วมมือยุติการใช้ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา อันจะทำให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาเป็นไปอย่างกว้างขวางขึ้น และเป็นการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือในการดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป

       โดยมีเจตนารมย์สำคัญในการจัดสัมมนาครั้งนี้ คณะผู้วิจัยมุ่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือและสร้างความเข้าใจร่วมกับวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั้ง 9 แห่งที่คัดเลือกมาเป็นสถานศึกษาต้นแบบ​ และเครือข่ายความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดการสานพลังความร่วมมือยุติความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษาตามโมเดลต้นแบบที่นำมาใช้

     จากการสัมมนาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากผู้เข้าร่วมสัมมนาในการร่วมแสดงความคิดเห็น และมีข้อตกลงร่วมกันที่จะร่วมมือให้การดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของโครงการวิจัยสำเร็จลุล่วง มีความคาดหวังที่จะให้เกิดประโยชน์ดังนี้

1. ได้สถานศึกษาต้นแบบสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่มีการบูรณาการความร่วมมือกับสถานศึกษาอื่น ๆ หรือหน่วยงาน/องค์การที่เป็นเครือข่ายความร่วมมือ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา และมีประสบการณ์รวมถึงแนวทางที่เหมาะสมในการนำกรอบการดำเนินการจากการศึกษาวิจัยไปใช้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และเป็นแบบอย่างให้กับวิทยาลัยอาชีวศึกษาอื่น ๆ ทั่วประเทศ

2. มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และระหว่างหน่วยงานกับชุมชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา   

3. วิทยาลัยอาชีวศึกษาต้นแบบได้ฐานข้อมูลในการบริหารจัดการเด็กกลุ่มเสี่ยง เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงของนักเรียนนักศึกษา โดยสามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานศึกษาที่เป็นเครือข่ายได้ โดยดำเนินการอย่างเป็นระบบที่เหมาะสม รวมทั้งมีแนวทางที่จะดำเนินการต่อยอดให้กลายเป็นฐานข้อมูลที่เป็น Big data ให้วิทยาอาชีวศึกษาทั่วประเทศและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้

   

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2564

Phuket Happy Paradise

Phuket Happy Paradise




          กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยกระดับความเข้มข้นขั้นสุดกับมาตรการสาธารณะสุข การป้องกันและการคัดกรองผู้เข้าร่วมงาน Thailand SHA SHA SHA The Memory @ Phuket เพื่อเป็นต้นแบบการจัดงาน Event ในรูปแบบใหม่ โดยมีมาตรการจำกัดผู้เข้าร่วมงาน และจัดทำระบบจองคิวสำหรับผู้ร่วมงาน มีจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ และผู้เข้าร่วมงานต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ   หรือถ้ายังไม่ครบต้องมีผลการตรวจ ATK หรือ RT-PCR 72 ซม. ตามระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข มีการจัดวางแอลกอฮอร์ทั่วบริเวณงาน จัดพื้นที่มีรั่วกั้น และแบ่งกำหนดเขตภายในงานเพื่อการเว้นระยะห่างระหว่างผู้เข้าร่วมงาน (Social distancing) มีจุดบริการหน้ากากอนามัยคอยให้บริการ และมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบริเวณจุดสัมผัสร่วมทั้งหมด เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและมั่นใจอย่างเต็มที่




         ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย และร่วมสนุกไปกับการแสดงจากศิลปินมากมาย มาพบกันได้ตั้งแต่วันที่ 24 กัยายน ถึง 3 ตุลาคมนี้ เวลา 16.00 - 20.00 น. และสามารถรับชมการแสดงจากศิลปินผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook Fanpage : THAILAND SHA SHA SHA The memory




#THAILANDSHASHASHAThememory #THAILANDSHASHASHAThememory@Phuket

#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย #SHA #AmazingThailand

ผู้ช่วย รมว.ท่องเที่ยวฯ ประชุมเตรียมความพร้อมสู่ปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025

ผู้ช่วย รมว.ท่องเที่ยวฯ ประชุมเตรียมความพร้อมสู่ปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025         นายจั...